ความปลอดภัยในงานเชื่อมโลหะ
การเชื่อมโลหะด้วยไฟฟ้า (อาร์ค) และการเชื่อมโลหะด้วยความต้านทานหรือเชื่อมจุด
1. ผู้ปฏิบัติงานเชื่อมโลหะ จะต้องมีอุปกรณ์ป้องกันส่วนต่างๆ ของร่างกายดังนี้
1.1 งานเชื่อมโลหะด้วยไฟฟ้า (อาร์ค) ต้องใช้หน้ากากกรองแสง (Helmet) ที่เหมาะสมกับงานและมีคุณสมบัติตามมาตรฐานที่กระทรวงอุตสาหกรรม เห็นชอบสำหรับป้องกันสะเก็ดลูกไฟและรังสี
1.2 งานเชื่อมโลหะด้วยความต้านทานต้องใช้แว่นตา (Safety Glasses) สำหรับป้องกันสะเก็ดลูกไฟ
1.3 ต้องสวมเสื้อแขนยาวและกางเกงขายาวที่สามารถป้องกันอันตรายจากสะเก็ดลูกไฟและไม่ลุกติดไฟง่าย
1.4 ต้องสวมรองเท้าชนิดหุ้มข้อหรือรองเท้านิรภัย (Safety shoes) ตามความเหมาะสม
1.5 ต้องสวมถุงมือหนังชนิดไม่เปิดปลายนิ้วมือ
2. เครื่องเชื่อมโลหะและอุปกรณ์
2.1 เครื่องเชื่อมโลหะแต่ละเครื่องต้องมีอุปกรณ์ป้องกันหรือสวิทซ์ตัดตอนไฟฟ้า เพื่อป้องกันการใช้กระแสไฟฟ้าเกินขนาดและใช้ไฟฟ้าเกินกำลัง
2.2 ตู้เชื่อมจะต้องต่อสายดินทุกเครื่อง
2.3 ห้ามใช้ลวดทองแดงแทนฟิวส์ตะกั่ว
2.4 สายไฟฟ้าที่ใช้จะต้องมีคุณสมบัติตามมาตรฐานเหมาะสมกับงาน และต้องรักษาให้อยู่ในสภาพดีและปลอดภัยเสมอ
3. บริเวณที่ปฏิบัติงาน
3.1 พื้นอาคารโรงงานต้องเป็นวัสดุทนไฟไม่ขรุขระหรือมีน้ำขัง
3.2 ผนังอาคารโรงงาน ต้องเป็นวัสดุทนไฟทึบ หรือมีวัสดุทนไฟปูปิดทับและสูงจากพื้นอาคารโรงงานไม่น้อยกว่า 2 เมตร
3.3 ต้องมีฉากที่ทำจากวัสดุไม่ติดไฟ สำหรับป้องกันแสง รังสี และสะเก็ดลูกไฟ
3.4 ต้องไม่วางวัสดุที่ติดไฟง่ายหรือวัสดุไวไฟ ไว้ในบริเวณที่ทำการเชื่อมโลหะ และในบริเวณใกล้เคียง
3.5 จะต้องมีการระบายอากาศในโรงงานและในบริเวณที่เชื่อมโลหะไม่เพียงพอ
3.6 จะต้องจัดให้มีแสงสว่างให้เพียงพอ
การเชื่อมโลหะด้วยไฟฟ้า (อาร์ค) โดยใช้ก๊าซเฉื่อยเป็นก๊าซซีล
1. ผู้ปฏิบัติงานเชื่อมโลหะ จะต้องมีอุปกรณ์ป้องกันส่วนต่างๆ ของร่ายกายดังนี้
1.1 ต้องใช้หน้ากากกรองแสง(Helmet)ชนิดที่ใช้สำหรับงานเชื่อมโลหะด้วยไฟฟ้า(อาร์ค)ที่มีคุณสมบัติตามมาตรฐานที่กระทรวงอุตสาหกรรมเห็นชอบสำหรับป้องกันสะเก็ดลูกไฟ และรังสี
1.2 ต้องสวมเสื้อแขนยาวและกางเกงขายาวที่สามารถป้องกันอันตรายจากสะเก็ดลูกไฟ และไม่ลุกติดไฟง่าย
1.3 ต้องสวมรองเท้าหุ้มข้อหรือรองเท้านิรกัย (Safety shoes) ตามความเหมาะสม
1.4 ต้องสวมถุงมือหนังชนิดไม่เปิดปลายนิ้วมือ
2. เครื่องเชื่อมโลหะและอุปกรณ์
2.1 เครื่องเชื่อมโลหะแต่ละเครื่องต้องมีอุปกรณ์ป้องกันหรือสวิทซ์ตัดตอนไฟฟ้า เพื่อป้องกันการใช้กระแสไฟฟ้าเกินขนาด และการใช้ไฟฟ้าเกินกำลัง
2.2 ตู้เชื่อมจะต้องต่อสายดินทุกเครื่อง
2.3 ห้ามใช้ลวดทองแดงแทนฟิวส์ตะกั่ว
2.4 สายไฟฟ้าที่ใช้ต้องมีคุณสมบัติตามมาตรฐานเหมาะสมกับงาน และต้องรักษาให้อยู่ในสภาพดีและปลอดภัยเสมอ
2.5 ถังบรรจุก๊าซเฉื่อย จะต้องมีคุณสมบัติตามมาตรฐานของกระทรวงอุตสาหกรรมหรือมาตรฐานอื่นที่วิศวกรของกระทรวงอุตสาหกรรมเห็นชอบ และมีสัญลักษณ์ของสีตามมาตรฐานบอกชนิดของก๊าซที่บรรจุอยู่ภายใน
2.6 ถังก๊าชจะต้องตั้งหัวขึ้น และมีสายผูกยึดกันล้มกับสิ่งที่มั่นคง
2.7 ถังก๊าซจะต้องมีเกจวัดความดันของก๊าซในถัง (Gas pressure gauge) วาล์วควบคุมความดัน (Working pressure regulator) และเกจวัดความดันที่ใช้งาน (Working pressure gauge) ที่อยู่ในสภาพดีและปลอดภัย
3. บริเวณที่ปฏิบัติงาน
3.1 พื้นอาคารโรงงานต้องเป็นวัสดุทนไฟไม่ขรุขระหรือมีนํ้าขัง
3.2 ผนังอาคารโรงงานต้องเป็นวัสดุทนไฟทึบ หรือมีวัสดุทนไฟปูปิดทับ และสูงจากพื้นอาคารโรงงานไม่น้อยกว่า 2 เมตร
3.3 ต้องมีฉากที่ทำจากวัสดุติดไฟสำหรับป้องกันแสง รังสี และสะเก็ดลูกไฟ
3.4 ต้องไม่วางวัสดุที่ติดไฟง่ายหรือวัสดุไวไฟไว้ในบริเวณที่ทำการเชื่อมโลหะ และในบริเวณใกล้เคียง
3.5 จะต้องมีการระบายอากาศในโรงงานและในบริเวณที่เชื่อมโลหะให้เพียงพอ
.6 จะต้องจัดให้มีแสงสว่างให้เพียงพอ
การเชื่อมโลหะด้วยก๊าซอะเซติลีนและก๊าซอื่นๆ
1. ผู้ปฏิบัติงานเชื่อมโลหะ จะต้องมีอุปกรณ์สำหรับป้องกันส่วนต่างๆ ของร่างกาย ดังนี้
1.1 ต้องสวมแว่นตากรองแสง (Goggles) ชนิดสำหรับเชื่อมโลหะด้วยก๊าซ ที่มีคุณสมบัติตามมาตรฐานที่กระทรวงอุตสาหกรรมเห็นชอบ
1.2 ต้องสวมเสื้อแขนยาวและกางเกงขายาวที่สามารถป้องกันอันตรายจากสะเก็ดลูกไฟและไม่ลุกติดไฟง่าย
1.3 ต้องสวมรองเท้าหุ้มส้น
1.4 ต้องสวมถุงมือชนิดไม่เปิดปลายนิ้วมือ
2. ถังก๊าชและอุปกรณ์
2.1 ถังก๊าซและอุปกรณ์จะต้องมีคุณสมบัติตามมาตรฐานของกระทรวงอุตสาหกรรมหรือมาตรฐานอื่นที่วิศวกรของกระทรวงอุตสาหกรรมเห็นชอบ และมีสัญลักษณ์ของสีตามมาตรฐาน บอกชนิดของก๊าซที่บรรจุอยู่ภายใน
2.2 ถังก๊าซจะต้องตั้งหัวขึ้นและมีสายผูกยึดกันล้มกับสิ่งที่มั่นคง
2.3 ถังบรรจุก๊าซและถังผลิตก๊าชอะเซติลีนจะต้องมีเกจวัดความดันของก๊าซในถัง (Gas pressure gauge) วาล์วควบคุมความดัน (Working pressure regulator) และเกจวัดความดันที่ใซ้งาน (Working pressure gauge) ที่อยู่ในสภาพดีและปลอดภัย
2.4 ถังผลิตก๊าซอะเซติลีน จะต้องมีวาล์วนิรภัย (Safety valve)
2.4.1 ประเภทถังผลิตก๊าซอะเซติลีนความดันต่ำ (ความดันของก๊าซที่ใช้งานไม่เกิน 0.15 Kgf/cm2 หรือ 14.71 KPa หรือ 2.13 lbf/in2) ต้องตั้งความดันของวาล์วนิรภัยไม่เกิน 2 เท่าของความดันที่ใช้งาน แต่จะต้องไม่เกิน 0.3 Kgf/cm2 (29.42 KPa หรือ 4.27 lbf/in2)
2.4.2 ประเภทถังผลิตอะเซติลีน ความดันปานกลาง (ความดันของก๊าซที่ใช้งานไม่เกิน 1.55 Kgf/cm2 หรือ 152 KPa หรือ 22.04 lbf/in2) ตั้งความดันของวาล์วนิรภัยที่ 110 เปอร์เซ็นต์ของ ความดันที่ใช้งาน
2.5 วาล์วท่อและอุปกรณ์ที่ใช้กับก๊าซอ๊อกซิเยนจะต้องไม่มีนํ้ามันไขหรือจารบี และไม่ใช้ท่อทองแดงกับท่อนํ้าก๊าซอะเซติลีนหรือส่วนประกอบ
2.6 หัวเชื่อมก๊าซและสายท่อนำก๊าซจะต้องอยู่ในสภาพดีและปลอดภัย
2.7 จะต้องมีชุดอุปกรณ์กันไฟกลับติดตั้งที่ท่อนํ้าก๊าซอะเซติลีนก่อนต่อเข้ากับชุดหัวเชื่อมก๊าซ
3. วัสดุ
3.1 กังเก็บแคลเซียมคารไบค์ ต้องเป็นถังโลหะที่ป้องกันนํ้าเข้าได้ และตั้งอยู่บนพื้นที่ยกระดับอย่างน้อย 15 เซนติเมตร
3.2 กากวัสดุเหลือใช้ ต้องมีภาชนะเก็บโดยเฉพาะและมีฝาปิดมิดชิด
4. บริเวณที่ปฎิบัติงาน
4.1 พื้นอาคารโรงงานต้องเป็นวัสดุทนไฟ ไม่ขรุขระหรือมีนํ้าขัง
4.2 ผนังอาคารโรงงานต้องเป็นวัสดุทนไฟหรือมีวัสดุทนไฟปูปิดทับและผนังส่วนทึบจากพื้นอาคารโรงงานต้องมีความสูงไม่น้อยกว่า 2 เมตร
4.3 จะต้องมีฉากที่ทำจากวัสดุไม่ติดไฟสำหรับป้องกันแสง รังสี และสะเก็ดลูกไฟ
4.4 ต้องไม่วางวัสดุที่ติดไฟง่ายหรือวัสดุไวไฟไว้ในบริเวณที่ทำการเชื่อมโลหะ และบริเวณใกล้เคียง
4.5 จะต้องมีการระบายอากาศในโรงงาน และบริเวณที่เชื่อมโลหะให้เพียงพอ
4.6 จะต้องจัดให้มีแสงสว่างให้เพียงพอ
ที่มา:วิฑูรย์ สิมะโชคดี
ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://www.thaisafetywork.com 27/8/56