-->

รางน้ำฝน

รางน้ำฝน

 

รางน้ำฝน
ที่เราเห็นในปัจจุบัน ส่วนใหญ่มักจะทำจากวัสดุที่เรียกว่าสังกะสีหรือแสตนเลส ซึ่งวัสดุทั้งสองชนิดนี้มีความแตกต่างกัน ดังนี้
สังกะสีมักจะมีอายุการใช้งานต่ำกว่าแสตนเลส ซึ่งอายุการใช้งานของสังกะสีมักจะอยู่ที่ประมาณ 3-4 ปี จากนั้นก็จะเป็นสนิมผุพัง ทำให้รางน้ำฝนที่ทำจากสังกะสีต้องมีการเปลี่ยนใหม่ในทุกๆครั้งที่หมดอายุ แต่จะมีดีที่ราคาถูก
ในขณะที่แสตนเลสนั้นทำเพียงครั้งเดียวก็สามารถใช้ได้ตลอดไป เพราะรางน้ำฝนที่เป็นแสตนเลสนั้นจะไม่มีวันเป็นสนิม จะอยู่ทนทานและสามารถใช้งานได้นาน ทำให้ตัวรางน้ำฝนแสตนเลสมีราคาสูงกว่ารางน้ำฝนสังกะสีเพราะคุณสมบัติตัวนี้
 
แต่ในปัจจุบันนั้นได้มีรางน้ำฝนชนิดใหม่เข้ามา ได้แก่ รางน้ำฝนไวนิล รางน้ำฝนชนิดนี้จะมีราคาสูงพอๆกับรางน้ำฝนแสตนเลส และอาจจะสูงกว่าด้วยซ้ำ แต่ในด้านของคุณภาพนั้นอาจจะสู้รางน้ำฝนแสตนเลสไม่ได้ เมื่อใช้ไปนานๆอาจจะกรอบเหมือนกับพวกพีวีซี (โพลิไวนิลคลอไรด์) แต่ด้วยที่เป็นรางน้ำฝนชนิดที่เพิ่งออกมาใหม่และด้วยความสวยงามของตัวราง จึงทำให้ราคารางน้ำฝนตัวนี้ค่อนข้างสูง ส่วนข้อดีของรางน้ำฝนชนิดนี้ คือ สามารถติดตั้งได้ง่ายกว่ารางน้ำฝนที่เป็นสังกะสีและแสตนเลส เมื่อติดตั้งรางน้ำฝนชนิดนี้เข้ากับตัวบ้าน จะดูพอดีดูสวยงาม ปัจจุบันรางน้ำฝนไวนิลมีอยู่ 2 สี ได้แก่ สีน้ำตาลและสีครีม
 
แต่ถ้าจะถามว่ารางน้ำฝนชนิดไหนที่ช่างส่วนใหญ่มักแนะนำให้ใช้ ก็ต้องขอบอกว่าเป็นรางน้ำฝนแสตนเลส เพราะมีความทนทานมาก ส่วนที่ยังไม่แนะนำรางน้ำฝนไวนิลเพราะยังไม่มั่นใจว่ามันจะทนได้นาน เพราะด้วยความที่เพิ่งเป็นตัวออกมาใหม่ จึงยังไม่ค่อยรู้คุณลักษณะของรางน้ำฝนชนิดนี้มากนัก
 
ส่วนที่จะช่วยให้สามารถตัดสินใจได้ว่าควรจะเลือกรางน้ำฝนชนิดไหนนั้น บริเวณที่จะติดตั้งรางน้ำฝนก็เป็นหนึ่งในปัจจัยที่ควรนำมาคิด ก่อนที่จะตัดสินใจเลือก แน่นอนว่ารางน้ำฝนทุกชนิดสามารถติดตั้งได้ทุกที่ แต่ถ้าบริเวณที่ติดตั้งนั้นเป็นบริเวณที่ติดตั้งยาก เช่น สูง แคบ เป็นต้น รางน้ำฝนแสตนเลสควรจะเป็นตัวเลือกที่ควรจะคิดถึงเป็นอันดับแรก เพราะจะสามารถใช้ได้ตลอดไป ไม่ต้องมายุ่งยากคอยรื้อและติดตั้งใหม่บ่อยๆ
หลายคนอาจจะสงสัยว่ารางน้ำฝนแสตนเลสนั้นอยู่ได้ตลอดไปจริงๆเหรอ แต่จากข้อมูลที่ได้จากช่างที่มีประสบการณ์ในการทำอาชีพติดตั้งรางน้ำฝนมา 24 ปี ได้ยืนยันว่ายังไม่เคยเห็นรางน้ำฝนแสตนเลสขึ้นสนิมหรือหมดอายุ แต่เคยเจออยู่กรณีหนึ่งเกิดขึ้นที่โรงงานน้ำตาล ที่ตัวรางน้ำฝนนั้นเป็นรูๆ และคาดว่าเป็นเพราะสารเคมีจากโรงงาน นี่เป็นเพียงกรณีเดียวที่พบว่ารางน้ำฝนแสตนเลสมีความเสียหาย แต่นอกจากนั้นก็ไม่เคยพบอีก
สิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นกับรางน้ำฝนแสตนเลส คือ เมื่อเวลาผ่านไปนานๆ รอยต่อของรางจะมีโอกาสแตกได้ ไม่ได้เกิดขึ้นกับตัวผิวแสตนเลส แต่ความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้นเกิดขึ้นจากตะกั่วที่เชื่อมรอยต่อของรางน้ำฝนแสตนเลส แต่สิ่งที่เกิดขึ้นนี้สามารถแก้ไขได้ ถ้าเป็นรางน้ำฝนแสตนเลสที่มีความหนาพอ (ตั้งแต่ 1 มิลลิเมตรขึ้นไป) สามารถเชื่อมอาร์กอนเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายแบบนี้ได้ (เชื่อมอาร์กอน คือ เป็นการเชื่อมโดยใช้กระแสไฟละลายชิ้นงานให้ติดกันเอง จึงทำให้รอยต่อของรางน้ำฝนไม่ได้ถูกเชื่อมด้วยตะกั่ว แต่ถูกเชื่อมด้วยเนื้อแสตนเลส ทำให้รอยต่อของรางไม่เกิดการแตก)
ในเรื่องราคาของรางน้ำฝนนั้น จะมีแบ่งออกเป็นราคาที่ติดตั้งเองหรือจะให้ทางร้านรางน้ำฝนนั้นติดตั้งให้ แน่นอนว่าการให้ทางร้านติดตั้งให้ต้องมีราคาที่สูงกว่าการติดตั้งเอง
ส่วนการต่อรางน้ำฝนนั้น เวลาในการต่อรางมักจะขึ้นอยู่การความยาวของรางน้ำฝนด้วย เช่น การต่อรางน้ำฝนที่ยาวประมาณ 10 เมตร จะใช้เวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมง เป็นต้น
อุปสรรคที่พบบ่อยในการที่จะติดตั้งรางน้ำฝน คือ การที่วัดขนาดของรางน้ำฝนผิด การเจาะกรวยให้น้ำลงผิดข้าง หรือการที่เชื่อมรอยต่อไม่ดีทำให้เกิดรูเล็กๆที่รอยเชื่อม ซึ่งจะทำให้เกิดการเสียเวลาและเสียวัสดุอุปกรณ์
ในส่วนของการเชื่อมรอยต่อที่ไม่ดีนั้น เราสามารถตรวจสอบได้ด้วยการล้าง เมื่อมีรอยรั่ว ก็จะเห็นเป็นรูเล็กๆ เมื่อพบแล้วจะต้องบัดกรีใหม่ (บัดกรี คือ การเชื่อมโลหะเข้าด้วยกันโดยใช้โลหะที่มีจุดหลอมเหลวต่ำ ในที่นี้ คือ ตะกั่ว)
ส่วนการที่ต้องล้างบริเวณที่เชื่อมหลังจากเชื่อมเสร็จทุกครั้ง เป็นการทำเพื่อล้างน้ำกรดออกไป เพราะถ้าไม่ล้างน้ำกรดออกไป จะทำให้บริเวณนั้นมีคราบสีเหลืองสีแดงเหมือนเป็นสนิม เมื่อล้างแล้วจะทำให้สะอาดเป็นเงา

         ข้อมูลที่ได้นี้มาจาก
-     ร้านสุเมธการช่าง
-     th.wikipedia.org
-     www.craft-skill.com
 
ขอบคุณภาพจาก
-     homemart.co.th
-     siam-vip.com
-     baansanruk.blogspot.com
-     siamshop.com
Visitors: 157,843